วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2554

The new 7 wonders of the world


เมื่อวันที่  7/07/2007  ได้มีการประกาศ 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ โดยองค์กรของสวิตซ์ The New Open World Corporation (NOWC) ผลสรุปสุดท้ายได้ประกาศ ที่กรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกส 
อย่างไรก็ตามเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ชุดนี้ไม่ได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก


นี้เป็นภาพรวม 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่

มาดูกันดีกว่าว่า 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่นั้นมีอะไรบ้าง


1.) ชิเชนอิตซา คาบสมุทรยูคาตาน ประเทศเม็กซิโก





 ชิเชน อิตซาเป็นภาษามายาแปลว่า ต้นทางแห่งความสุขสบายของประชาชน ชิเชน อิตซาเป็นวิหารที่โด่งดังที่สุดของชนเผ่ามายา ถือเป็นศูนย์กลางด้านการเมืองและเศรษฐกิจของอารยธรรมมายา การผสมผสานทางโครงสร้างของสิ่งก่อสร้างหลากหลายชนิดของชิเชน อิตซา ทั้งพีระมิดแห่งเทพเจ้าคูคุลคาน (เทพเจ้าสูงสุดของชาวมายาซึ่งเป็นผู้สร้างมนุษย์) วิหารชัค มุล (รูปปั้นซึ่งเป็นศิลปะแบบมายา) ห้องโถงที่เต็มไปด้วยเสาหลายพันต้นและลานกว้างที่ใช้เป็นที่ชุมนุมของประชาชนในอดีตนั้น แสดงให้เห็นถึงความพิเศษในเชิงสถาปัตยกรรมด้านการจัดวางองค์ประกอบของเนื้อที่และพื้นที่ใช้สอย โดยเฉพาะในส่วนของพีระมิดแห่งเทพเจ้าคูคุลคานซึ่งถือเป็นพีระมิดแห่งสุดท้ายและเป็นพีระมิดที่กล่าวได้ว่ายิ่งใหญ่ที่สุดของอารยธรรมมายาด้วย


2.) รูปปั้นพระเยซูคริสต์ นครริโอเดอจาเนโร ประเทศบราซิล





  รูปปั้นพระเยซูคริสต์นี้ตั้งอยู่ที่ยอดเขากอร์โกวาโด มีความสูงราว 38 เมตร ได้รับการออกแบบโดยไฮตอร์ ดาซิลวา คอสตา ชาวบราซิล และสร้างโดยพอล ลันดอฟสกี้ ประติมากรชาวฝรั่งเศสเชื้อสายโปแลนด์ ใช้เวลาในการสร้าง 5 ปี โดยเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 ตุลาคม ปี พ.ศ.2474 รูปปั้นพระเยซูคริสต์นี้ถือเป็นอนุสาวรีย์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของนครริโอเดอจาเนโร และเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจของชาวบราซิล มีนักท่องเที่ยวเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้ราว 1,800,000 รายต่อปี


3.) มาชูปิกชู ประเทศเปรู






 ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15 จักรพรรดิ ปาชาคูเทค ยูปันกี ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งอาณาจักรอินคา ได้สร้างเมืองแห่งหนึ่งบนภูเขาซึ่งปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกชื่อว่า มาชู ปิกชู (มีความหมายว่าภูเขาโบราณ) ปัจจุบันอยู่ในประเทศเปรู ที่ตั้งของเมืองนี้ค่อนข้างกันดารยากที่จะเข้าถึง โดยตั้งอยู่บนที่ราบสูงแอนดิส ลึกเข้าไปในป่าอเมซอนและอยู่เหนือแม่น้ำอุรุบัมบา ซึ่งภายหลังชาวอินคาได้อพยพออกจากเมืองนี้เนื่องจากเกิดโรคระบาดขึ้น หลังจากอาณาจักรอินคาล่มสลายจากการพ่ายแพ้สงครามให้กับชาวสเปน เมืองแห่งนี้ก็ได้หายสาบสูญไปกว่า 3 ศตวรรษ จนกระทั่งได้รับการค้นพบใหม่โดยฮิราม บิงแฮม นักโบราณคดีชาวอเมริกัน ในปี พ.ศ.2454


4.) กำแพงเมืองจีน  ประเทศจีน






กำแพงเมืองจีนตั้งอยู่บนพรมแดนทางตอนเหนือของประเทศจีน เริ่มต้นสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ฉิน (ราวปี พ.ศ.322-337 หรือ 221-206 ปีก่อนคริสตกาล) โดยมีจุดประสงค์ในการเชื่อมโยงป้อมปราการให้เป็นหนึ่งเดียวเพื่อป้องกันการรุกรานจากชนเผ่ามองโกลในอดีต มีความยาวทั้งสิ้นกว่า 6,700 กิโลเมตร ถือเป็นสิ่งก่อสร้างโดยฝีมือมนุษย์ที่ยาวที่สุดในโลกเท่าที่เคยมีมา ผู้คนจำนวนหลายพันคนต้องอุทิศชีวิตให้กับสิ่งก่อสร้างขนาดมหึมานี้ นอกจากนี้ เคยมีผู้กล่าวไว้ว่ากำแพงเมืองจีนเป็นสิ่งก่อสร้างเพียงอย่างเดียวในโลกที่สามารถมองเห็นได้จากอวกาศ กำแพงเมืองจีนได้รับการคัดเลือกโดยองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ.2529


5.) เปตรา ประเทศจอร์แดน




 เปตราเป็นภาษากรีก มีความหมายว่าหิน เมืองโบราณเปตราตั้งอยู่ในทะเลทราย เป็นเมืองหลวงของชนเผ่านาบาเชียนซึ่งเป็นชนเผ่าที่อาศัยอยู่ทางตอนใต้ของประเทศจอร์แดนในสมัยก่อน สร้างขึ้นในสมัยของกษัตริย์อาเรตัสที่ 4 (9 ปีก่อนคริสตกาล-ค.ศ.40) ชาวนาบาเชียนสร้างเมืองแห่งนี้โดยใช้วิธีการแกะสลักหินให้เป็นช่องอุโมงค์ โรงละครของเมืองแห่งนี้ซึ่งเป็นต้นแบบของโรงละครแบบกรีก-โรมันมีเนื้อที่สามารถจุผู้ชมได้ถึง 4,000 คน ส่วนหน้าของวิหารเอล เดียร์ ซึ่งสูง 42 เมตร ในเมืองแห่งนี้เป็นตัวอย่างที่ดีอีกแห่งหนึ่งของสถาปัตยกรรมแบบกรีกโบราณที่หลงเหลือมาจนถึงทุกวันนี้


6.) ทัชมาฮาล เมืองอักรา ประเทศอินเดีย






 ทัชมาฮาลสร้างขึ้นโดยกษัตริย์ชาห์ จาฮัน เพื่อใช้เป็นที่ฝังศพของพระนางมุมทัซ มาฮาล มเหสีที่พระองค์ทรงรักมากที่สุดซึ่งเสียชีวิตขณะมีอายุได้เพียง 39 ชันษาหลังจากที่ให้กำเนิดบุตรคนที่ 14 ทัชมาฮาลสร้างขึ้นระหว่างคริสต์ศักราช 1631-1648 สร้างโดยใช้หินอ่อนสีขาวทั้งหลัง รวมทั้งใช้วัสดุในการตกแต่งชั้นเลิศจากทั่วเอเชียซึ่งขนส่งโดยใช้ช้างกว่า 1,000 ตัว ทัชมาฮาลได้รับการยอมรับว่าเป็นศิลปะแบบมุสลิมที่สวยงามสมบูรณ์แบบมากที่สุดในอินเดีย นอกจากนี้ ทัชมาฮาลยังเป็นสถานที่ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากที่สุดของอินเดีย มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาชมทัชมาฮาลราวปีละเกือบ 3 ล้านคน



7.) สนามกีฬาโคลอสเซียม กรุงโรม ประเทศอิตาลี




  สิ่งก่อสร้างรูปทรงโค้งเป็นวงกลม ซึ่งตั้งอยู่ที่ศูนย์กลางของกรุงโรมแห่งนี้ สร้างขึ้นเพื่อเชิดชูเหล่านักรบโรมันและเป็นอนุสรณ์ที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรโรมัน สนามกีฬาแห่งนี้สูง 48 เมตร ยาว 188 เมตร และกว้าง 156 เมตร แนวคิดในการออกแบบโคลอสเซียมนี้ยังคงมีความสำคัญมาจนถึงทุกวันนี้ ดังจะเห็นได้จากการออกแบบสนามกีฬาแทบทุกแห่งในโลกนับตั้งแต่นั้นมาต้องปฏิบัติตามแม่แบบดั้งเดิมของโคลอสเซียมอย่างปฏิเสธไม่ได้ ถึงแม้ว่าในปัจจุบันนี้สิ่งที่ได้รับรู้จากภาพยนตร์และหนังสือบันทึกทางประวัติศาสตร์จะแสดงให้เห็นว่าสนามกีฬาแห่งนี้มีแต่การต่อสู้และการแข่งขันที่โหดร้ายต่างๆ นานา เพื่อความสุขของผู้ชมเท่านั้นก็ตาม


สิ่งก่อสร้างเหล่านี้ล้วนมาจากอดีตและยังคงดำรงอยู่จนทุกวันนี้เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาสถานที่ต่างๆพร้อมกับได้รับชมสถานที่ที่สวยงดงามถึงแม้จะผ่านกาลเวลามานานแต่ก็ยังคงความงามมาจนทุกวันนี้
สำหรับวันนี้พอแค่นี้ก่อนนะค่ะ




By  Tangmo Chaiprapa , Mukku Monthicha , Stop Sirasett
21.04 PM.
12/12/2011




วันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2554

The 7 natuarl wonders of the world

  เมื่อวันที่ 11/11/2011 ได้มีข่าวเกี่ยวกับสิ่งมหัศจรรย์ของโลกโดยมูลนิธิ The New 7 Wonders Foundation     ได้มีการเปิดให้โหวตมาได้สักระยะนึง แล้ว ซึ่งสถานที่มหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่ได้มีการเสนอชื่อมีทั้งหมด  28  แห่งแล้วทางมูลนิธิได้ทำการคัดเลือกให้เหลือเพียง 10 แห่งสุดท้าย และเปิดให้ร่วมโหวตเลือกกันจนทราบแล้วในวันศุกร์ 11/11/2011 ประกาศผลการโหวตความเป็นสุดยอด 7 
สิ่งมหัศจจรย์ทางธรรมชาติในเวลา 7 นาฬิกา 7 นาทีผ่านทางเว็บไซต์ www.new7wonders.com  

นี้เป็นภาพสถานที่ที่ได้การโหวตมากที่สุดใน 7 อันดับแรก
มารู้จักสถานที่ต่างๆกันสักเล็กน้อยดีกว่า



1.) ป่าอเมซอน ทวีปอเมริกาใต้





.


ลักษณะของป่าอเมซอน มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 7 ล้านตารางกิโลเมตร ซึ่งเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำอยู่ทางตอนเหนือภาคกลางของ ทวีปอเมริกาใต้ พื้นที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในบราซิล  โดยป่าอเมซอนเป็นป่าดงดิบในเขตร้อนชื้นและเป็นแหล่งผลิตแก๊สออกซิเจนให้กับโลกเราประมาณถึง 40 %


2.) อ่าวฮาลอง หรือ ฮาลอง เบย์  ประเทศเวียดนาม







ลักษณะเป็นอ่าวแห่งหนึ่งในพื้นที่ของอ่าวตังเกี๋ยทางตอนเหนือของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
 ใกล้ชายแดนติดต่อกับสาธารณรัฐประชาชนจีน ชื่อในภาษาเวียดนาม หมายถึง "อ่าวแห่งมังกรผู้ดำดิ่ง"
ความโดดเด่นของอ่าวฮาลองแห่งนี้คือ มีเกาะหินปูนจำนวน 1,969 เกาะโผล่พ้นขึ้นมาจากผิวทะเลเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุด
ในบริเวณอ่าว 2 เกาะ คือเกาะกัดบา และเกาะตังกั๋ง ซึ่งทั้งสองเกาะนี้มีคนตั้งถิ่นฐานอยู่ บนเกาะมีชายหาดที่สวยงาม



3.) น้ำตกอีกัวซู ประเทศบราซิล/ประเทศอาร์เจนติน่า







ลักษณะน้ำตกอีกัวซู (Iguazu Falls) คำว่าอีกัวซู แปลว่า "สายน้ำอันยิ่งใหญ่"  เป็นคำมาจากภาษากวารานี (Guarani) ชาวอินเดียนแดงเผ่าดั้งเดิม น้ำตกอีกัวซูตั้งอยู่บริเวณรอยต่อพรมแดนระหว่างประเทศบราซิลกับประเทศอาร์เจนตินา เป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ และขึ้นชื่อว่าใหญ่ที่สุดในโลก โดยใหญ่กว่าน้ำตกไนแอการาประมาณ 30 เท่า อย่างไรก็ตามขนาดของน้ำตกใกล้เคียงกับน้ำตก
วิกตอเรียในทวีปแอฟริกา
มีตำนานว่าการเกิดน้ำตกอีกัวซู กาลครั้งหนึ่งนามมาแล้ว ในยุคที่เทพ และมนุษย์ยังอยู่ร่วมกัน พระเจ้าได้ตกหลุมรักหญิงสาวแสนสวยชาวพื้นเมืองนางหนึ่งนามว่า "Naip" และต้องการจะแต่งงานกับเธอ แต่เธอนั้นมีคนรักอยู่แล้ว เธอจึงหนีไปกับคนรักด้วยเรือแคนนู (canoe) ไปตามแม่น้ำอีกัวซู ทำให้พระเจ้าพิโรธอย่างมาก จึงทำการฉีกลำน้ำออกจากกัน จนเกิดเป็นน้ำตกอีกัวซูขึ้น เพื่อขัดขวางพวกเขาและสาปให้ทั้งคู่ตกลงในน้ำตกนี้ชั่วกัปชั่วกัลล์


4.) เกาะเชจู ประเทศเกาหลีใต้








เคยเป็นที่คุมขังแพทย์หญิงแดจังกึม แพทย์หญิงคนเดียวของราชสำนักเกาหลีแล้ว “เกาะแห่งความฝัน” 
ที่มีระบบการปกครองเป็นของตัวเองแห่งนี้ ยังมีชื่อเสียงไปทั่วโลกในเรื่องของภูมิทัศน์อันงดงาม ที่ประกอบด้วยชายฝั่งที่ยาวถึง 256 กิโลเมตร น้ำตก ภูเขาไฟดับแล้ว และป่าเขารกครึ้ม เกาะเซจูจึงกลายเป็นสวรรค์สำหรับคู่ฮันนีมูน และเป็นหนึ่งในสถานที่เต็งแชมป์ที่ ชาว K-POP บ้านเราคงรู้จักกันดี ที่บอกว่าเต็งแชมป์ ก็เพราะว่าทางรัฐบาลเกาหลีใต้ได้แต่งตั้งให้หนุ่ม JYJ (อดีตวง ดงบังชิงกิ) เป็นทูตประชาสัมพันธ์ ซึ่งบนเกาะนี้มีภูเขาไฟฮัลลาซานซึ่งเป็นภูเขาไฟสูง 1,950 เมตรที่ดับแล้ว ตั้งอยู่บนเกาะเชจู  


5.) อุทยานแห่งชาติโคโมโด  ประเทศอินโดนีเซีย







  เป็นอุทยานแห่งชาติในประเทศอินโดนีเซีย ตั้งอยู่ใกล้หมู่เกาะซุนดาน้อย ระหว่างจังหวัด East Nusa Tenggara และ West Nusa Tenggara อุทยานประกอบด้วยเกาะใหญ่ 3 เกาะ คือ เกาะโคโมโด เกาะริงกา และเกาะปาดาร์ รวมทั้งยังมีเกาะเล็กๆอีกมากมาย ซึ่งเกาะเหล่านี้กำเนิดขึ้นจากการระเบิดของภูเขาไฟ มีพื้นที่รวมทั้งหมด 1,817 ตารางกิโลเมตร (ส่วนที่เป็นแผ่นดิน 603 ตารางกิโลเมตร) มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 4,000 คน ก่อตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อ พ.ศ. 2523 เพื่ออนุรักษ์มังกรโคโมโด ภายหลังยังจัดเป็นพื้นที่สำหรับอนุรักษ์สัตว์ป่าและสัตว์ทะเลชนิดอื่นๆอีกด้วย 



 6.) แม่น้ำใต้ดิน เปอร์โต ปรินเซซา ประเทศฟิลิปปินส์








เปอร์โต ปรินเซซาเป็น แม่น้ำที่อยู่ภายใต้ถ้ำหินปูนความยาวกว่า 8.2 กิโลเมตร มีจุดเด่นคือ จะมีลมผ่านถ้ำก่อนที่จะพัดตรงไปสู่ทะเลจีนใต้ แม่น้ำใต้ดินแห่งนี้ถือเป็นแม่น้ำใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่บริเวณเทือกเขาเซนต์ พอล ทางตอนเหนือของเกาะปาลาวัน ประเทศฟิลิปปินส์ ได้รับการจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อปี 1992 อุทยานประกอบด้วยเทือกเขาหินปูนจำนวนมาก




7.) เทเบิลเมาท์เทน ประเทศแอฟริกาใต้







ลักษณะเทเบิ้ลเมาท์เทนท์ ตั้งอยู่เหนือเมืองเคปทาวน์ ทางตอนใต้ของประเทศแอฟริกาใต้ โดยได้ชื่อมาจากยอดเขาที่แบนราบ มองดูเหมือนโต๊ะ มีความยาว 2 กิโลเมตร สูง 1,086 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติเทเบิลเมาน์เทน (Table Mountain National Park) รวมอยู่ใน Cape Floral Region ภูเขาแห่งนี้มีจุดเด่นที่เป็นหินที่มีอายุยาวนานกว่า 6 ล้านปี และเป็นพื้นที่อันอุดมสมบูรณ์ของดอกไม้กว่า 1,470 สายพันธุ์




ทั้งนี้สำหรับการประกาศผลอย่างเป็นทางการ จะมีขึ้นในต้นปี 2012 และ  7  สิ่งมหัศจรรย์ตามธรรมชาติยุคใหม่ของโลกทั้ง 7 แห่งนี้ จะนำไปรวมกับ 7  สิ่งมหัศจรรย์ยุคใหม่ที่มนุษย์สร้างขึ้น ซึ่งประกาศอย่างเป็นทางการไปแล้ว เมื่อวันที่ 7/07/2007 








By  Tangmo Chaiprapa , Mukku Monthicha , Stop Sirasett
18.32   PM.
12/12/2011